ขุนบูลม ต้นราชวงศ์ปฐมกษัตริย์ ผู้รับหน้าที่อาญาสิทธิ์ปกครองจากพญาแถน
ปางนั้นพระยาแถนหลวงจึงให้ท้าวผู้มีบุญ ชื่อว่าขุนบูลมมหาราชาธิราช(บรมมหาราชาธิราช) อันได้อาชญาพระยาแถนแล้ว ก็จึ่งเอารี้พลคนทั้งหลายลงเมือเมืองลุ่มลีดเลียงเมืองเพียงคักค้อย มาอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนู อันมีลุ่มเมืองแถนหั้นก่อนแล
ที่น้้นคนทั้งหลายฝูงออกมาแต่น้ำเต้าปูงนั้น ผู้รู้หลักนักปราชญนั้นเขาก็มาเป็นลูกท่านบ่าวเธอขุนบูลมมหาราช และผู้ใช้ข้านั้นเขาก็อยุ่เป็นไพร่ไปเป็นป่า สร้างไฮ่เฮ็ดนากินแล
สรุปความว่า พญาแถนได้เชิญ ขุนบูลมลงมาให้ทำหน้าที่ดูแล เป็นผู้ปกครองผู้คนทั้งหลายที่ออกมาจากน้ำเต้าเคลือนั้น ยังมีนักปราชญ์ราชบัณฑิต ข้าทาสบริวารรับใช้ และให้ที่สวนไร่นา ป่าเขาเพื่อการเลี้ยงดูแลผู้คนเหล่านั้น
และพญาแถนจึงได้เชิญ พระพิษณุกรรมลงมาสร้าง เรือกสวนไร่นาปลูกข้าวปลูกผักผลไม้และหัวมันให้อันควรจะกิน และให้ทอผ้าไว้นุ่งห่มแก่ผู้คนทั้งมวล
พญาแถนจึงได้สั่งสอนแก่ขุนบูลม ผู้เป็นท้าวพญาในเมืองลุ่ม(โลกมนุษย์) กลุ่มคนที่ออกมาจากน้ำเต้าที่มีชื่อว่า ไทยควางให้อกหาขุนควาง ไทยวี ให้ออกหาขุนวี ไทยเลิงให้ออกหาขุนเลิง ไทยเลนให้ออกหาขุนเลน ไทยลอให้ออกหาขุนลอ และ ให้ชาวเมืองลุ่มเหล่านี้ ได้กินขึ้นให้ส่งขาแก่แถนน ได้กินปลาให้ส่งรอยแก่แถน ให้เฮดแหวนเฮ็ดหัวส่งแก่ล่าม
ถอดความได้ว่า เมื่อ่ขุนบูลมได้รับการบอกกล่าวสั่งสอนจากพญาแถนนั้นว่า กลุ่มคนที่ได้ออกมาจากน้ำเต้าให้รวมกับกลุ่มของตนเองและมีหัวหน้า มืชื่อว่า ไทยควาง คือ ขุนควาง ไทยวี คือขุนวี ไทยเลิง คือขุนเลิง ไทยเลน คือ ขุนเลน ไทยลอ คือขุนลอ
ให้ชาวเมืองเหล่านั้นทำมาหากินเสร็จแล้วให้บูชาแก่แถน เช่น การปลูกข้าวต้องบูชาพระแม่โพสพ หรือ ออกไปทำมาหากินในแว่นแคว้นแดนใดก็ให้ เคารพกราบไว้สถานที่ เจ้าที่ ทางน้ำให้ไหว้พระแม่คงคาเป็นต้น
เมื่อนั้นขุนบูลมได้สร้างบ้านแปงเมืองไพร่ฟ้าประชาราษฎ์รุ่งเรืองในภายหน้านั้น จึงได้มีบุตรชายเกิดขึ้นด้วยภริยา ชื่อนางแอกแดง ผู้พี่ชื่อ อ้ายขุนลอ ต่อมา อ้ายผาลาน อ้ายสามจูสง และจากภริยาอีกท่านหนึ่ง ด้วยลูกเกิดจากนาง ยมพาลา อีก ๓ คน ผู้อ้ายชื่อ ไสผง งัวอิน และลกกลม ลูกชายทั้ง ๗ ของขุนบูลมเติบใหญ่มาได้เรียนวิชารู้หลักนักปราชญ์แล้ว ขุนบูลมจึงรำพึงว่า "ลูกกูนี้จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน รู้หลักสร้างบ้านแปงเมือง กูจะแผ่แม่ปลงลูกกูไปก่อบ้านแปงเมืองให้กว้างขวาง ณ ที่ไกลโพ้น
ครั้นนั้น ช้างเขียวงากลมอันได้แต่พญาแถนให้มาจากเมืองฟ้าได้ตายลง ขุนบูลมจึงให้เลื่อยงาช้างก่ำเขียวนั้นเป็นท่อนๆ ตัดเป็น ๗ ท่อน แบ่งให้ลูกชายทั้งเจ็ดคน ที่ได้เกิดจากภริยาทั้งสองให้ไปสร้างเมืองดังนี้
ขุนลอ ไปสร้างเมือง ชวา เป็นท้าวเป็นพญาแก่คนทั้งหลาย ขุนยี่ผาลาน ให้ไปสร้างเมืองหัวแต สามจูสง ให้ไปสร้างเมืองแกวช่องบัว ไสผงให้ไปสร้างเมืองยวนโยนก งัวอินให้ไปสร้างเมืองชาวใต้อโยทธยา ลกกลมให้ไปสร้างเมืองเชียงคม ยอสามเจ็ดเจิงให้ไปสร้างเมืองพวน และได้สอนสั่งลูกชายทั้ง ๗ ดั่งต่อไปนี้
ในภายหน้าผู้ใดอย่าโลภตัณหาอิจฉามักมาก และเอารี้พลช้างม้าไปตกแดนเอาหอกดาบเข่นแพนไปตกท่ง แล้วรบเลวเอาบ้านเมืองกันดังนั้น ให้ผู้นั้นวินาศฉิบหาย ทำอันใดอย่าให้เป็นเ เขนอันใดอย่าให้ได้ ปลูกไม้อย่าทันตาย ปลูกหวายอย่าทันล่อน ข้อม่อนอย่าให้รึ ปีมันอย่าให้กว่าง เที่ยวทางให้ฟ้าผ่า เมือป่าให้เสือกิน ไปทางน้ำให้เงือกท่อเรือฉก ไปทางบกให้เสือท่อม้กินมันแล
เมืองอ้ายไว้แก่อ้าย เมืองน้องไว้แก่น้อง อย่าทำร้ายเบียดเบียนกัน อย่าผิดข้องข่มเหงเอาก็พอ เทอญ
ถอดความเป็คำสั่งสอนบอกกล่าวให้แก่ลูกชายทั้ง ๗ ก่อนที่จะไปสร้างเมืองทั้ง ๗ แห่ง หลังจากนั้นไม่นานขุนบูลมก็ถึงแก่อนิจกรรมตายไปตามกรรมของท่านแล พี่น้องจึงได้ร่วมกันสาบาญให้ส่งขาวสารไมตรีสนิทสนมกันไม่ขาด ตามคำสั่งของพ่อแม่ได้สั่งเสียไว้ จึงมีคำกลอนได้กล่าวไว้เป็นตอนว่า
ขุนลอจึงเอิ่นสั่งชาวเมืองว่า
ปู่เย่อแถนถ่องบ้าน เปาลา
จักจากเจียรไกลตา ก่อนแล้ว
สิ่งโสมสอดดสภา แพงโพด พู้นพี่
ขกพี่ให้บุญแผ้ว แผ่นพื้นนครชวา (หลวงพระบาง)
ยี่ผาลานเอิ้นสั่งว่า
ปู่เย่อนาบ่อยน้อย แถนแถลง
เรียมจักจากจอมแพง พากข้าง
จักเดินผ่ายผันแสวง ชมเพื่อน พู้นพี่
ไปแต่งบ้านเมืองกว้าง แห่งห้องหอแต (หนองแส)
จูสงเล่าเอิ้นสั่งว่า
ปู่เย่อแม่นบ่อนบ้าน บูรี
จักจากไปจุลนี ก่อนแล้ว
สมภารพี่ยังมี เมื่อข่ม เขาพู่น
องอาจขึ้นปางแก้ว โกฐแท้แท่นบัว (อานามประกัน)
ไสผงเล่าเอิ้นว่า
ปู่เย่อน้ำเต้าปุ่ง เติมตน
จักจากไปเินหน ่ ห่างหั้น
โดยคองที่ทางชน เชียงใหม่
บุญหากมีดังนั้น อาจสร้างเสวยเมือง (ล้านนา)
งัวอินเล่าเอิ้นว่า
ปู่เย่อพระพ่อเจ้า บูลมลูกเอย
ลูกเกิดมาสายสม สืบเชื้อ
จักจากเจียรจอมชม ชาวอื่นล่ะพ่อ
ไปเสพสุขเสวยเกื้อ เกิบก้ำอโยทธยา (สยาม)
ลกกลมเล่าเอิ้นว่า
ปู่เย่อแม่เชื้อชาติ ชาวแถง
ลูกเกิดมีเผือแฝง ฝ่ายช้าง
จักไปสืบบุญแปล เป็นเพื่อน ผาบดู่น
เ็ดหมู่เมืองมอญกว้าง เกิดก้ำเชียงคม (คำเกิด)
ราชวงศ์ขุนบรมมหาราชา
ราชวงศ์ขุนบรมมหาราชา กษัตริย์ของอาณาจักรน่านเจ้า(อ้ายลาว)นั้นได้มีพระโอรส ๙ องค์ และ ๗ ใน ๙ นั้นได้ครองเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆในบริเวณที่เรียกว่า "แหลมทอง" ได้แก่:
- ขุนลอ (อ้ายลอ)ปกครองเมืองชวา (ปัจจุบันหลวงพระบาง)
- ขุนผาล้าน (ยี่ผาล้าน)ปกครองเมืองสิบสองปันนา
- ขุนจุลง (สามจุลง)ปกครองเมืองโกดแท้แผนปม (ปัจจุบันเวียดนาม) จัมปา แปลว่า ช่องบัว โกฐแบบช่องบัว
- ขุนคำผง (ไสคำผง) ปกครองเมืองเชียงใหม่
- ขุนอิน (งั่วอิน) ปกครองเมืองศรีอยุธยา
- ขุนกม (ลกกม) ปกครองเมืองหงสาวดี (อินทรปัต)
- ขุนเจือง (เจ็ดเจือง) ปกครองเมืองพวน (เชียงขวาง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น